TOP 10 : สุดยอด ‘ผู้รักษาประตู’ ตลอดกาลศึก ‘พรีเมียร์ลีก’
อีกหนึ่งวลีที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือชั้นอ๋องของแดนผู้ดี เคยกล่าวเอาไว้ว่า “ผู้รักษาประตูชั้นยอด จะทำให้ทีมได้คะแนนเพิ่ม 10 แต้มต่อฤดูกาล” ซึ่งนั่นคือตัวเลขที่มากพอสำหรับเปลี่ยนทีมตกชั้นให้อยู่ในโซนปลอดภัย หรือจากลุ้นพื้นที่ยุโรปให้เป็นแชมป์ และ 10 สุดยอดนายด่านตลอดกาลของพรีเมียร์ลีก จะมีใครบ้างนั้นไปติดตามกันได้เลย
10. มาร์ค ชวาร์เซอร์(Mark Schwarzer)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 514 นัด คลีนชีต 152 ครั้ง จ่าย 1 แอสซิสต์
สโมสรเด่น: มิดเดิลสโบรห์, ฟูแล่ม, เชลซี, เลสเตอร์ ซิตี้
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x1, ลีก คัพ x2, โอเอฟซี เนชั่นส์ คัพ x1
เกียรติยศส่วนตัว: ผู้เล่นยอดเยี่ยม ประจำฤดูกาลสโมสรฟูแล่ม x1, ผู้เล่นอายุมากสุดที่ได้ลงสนามของ เชลซี และ เลสเตอร์ ซิตี้, หอเกียรติยศทีมชาติออสเตรเลีย
ใครที่เริ่มต้นดูฟุตบอลตั้งแต่ยุค 90 จะต้องคุ้นชื่อนายทวารรายนี้เป็นอย่างดี เมื่อเขาเฝ้าเสาให้กับ ‘เดอะ โบโร่’ มากกว่า 300 นัด และเพียงแค่ฤดูกาลเดียวหลังจากที่เขาย้ายออก ทีมก็หล่นไปเล่นในลีก แชมเปี้ยนชิพ ทันที
ชวาร์เซอร์ ยังคงสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับ ฟูแล่ม ก่อนจะยอมมาเป็นตัวสำรองที่ เชลซี ซึ่งถึงแม้ว่าพรีเมียร์ลีก จะไม่ได้มอบเหรียญรางวัลแชมป์ในฤดูกาล 2014/15 ให้เขา แต่ว่า โชเซ่ มูรินโญ่ ผู้จัดการทีมก็ได้มอบให้ตัวเอง และหนึ่งปีหลังจากนั้นเขาก็ได้เป็นส่วนหนึ่งของ เลสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาลแห่งเทพนิยาย
9. แบรด ฟรีเดล(Brad Friedel)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 450 นัด คลีนชีต 132 ครั้ง ยิง 1 ประตู
สโมสรเด่น: แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส, แอสตัน วิลล่า, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์
ถ้วยความสำเร็จ: ลีก คัพ x1
เกียรติยศส่วนตัว: ถุงมือทองคำพรีเมียร์ลีก x1
ผู้รักประตูทีมชาติสหรัฐอเมริกา ย้ายข้ามน้ำข้ามทะเล มาเจอกับความท้าทายกับ ลิเวอร์พูล ซึ่งไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่นัก เนื่องจากต้องตกเป็นตัวสำรองให้กับทั้ง เดวิด เจมส์ และ ซานเดอร์ เวสเตอร์เวลด์
อย่างไรก็ตามการย้ายออกจาก แอนฟิลด์ ก็ถือเป็นการสถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็นยอดนายทวารของศึกพรีเมียร์ลีก ระหว่างเฝ้าเสาให้กับ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ซึ่งที่นี่เองนอกจากจะเซฟจนช่วยทีมหนีตกชั้นได้แล้ว ยังพาทัพ ‘กุหลาบไฟ’ คว้าแชมป์ ลีก คัพ ได้หนึ่งสมัย
8. เยนส์ เลห์มันน์(Jens Lehmann)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 148 นัด คลีนชีต 54 ครั้ง จ่าย 3 แอสซิสต์
สโมสรเด่น: ลิเวอร์พูล
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x1, เอฟเอ คัพ x1
เกียรติยศส่วนตัว: ถุงมือทองคำพรีเมียร์ลีก x1, ผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม ยูฟ่า x1
อันที่จริงการเป็นผู้รักษาประตูตัวจริงให้กับทัพ ‘ปืนใหญ่’ ชุดไร้พ่าย เจ้าตัวควรจะอยู่ในอันดับที่สูงกว่านี้ แต่เนื่องจากการเฝ้าเสาใน ไฮบิวรี่ แค่ 5 ฤดูกาล ทำให้ต้องอยู่ในอันดับที่ 8
เพียงแต่ช่วงเวลาดังกล่าว ก็ถือว่าเป็นช่วงอาชีพค้าแข้งที่ดีที่สุดในชีวิตของเขา เพราะนอกจากจะได้แชมป์ครั้งประวัติศาสตร์แล้ว ผลงานยังเป็นที่ประจักษ์ในระดับที่ เยอร์เกน คลินส์มันน์ กุนซือทีมชาติเยอรมันในเวลานั้น ยอมให้เฝ้าเสาในฟุตบอลโลกปี 2006 แทนที่ โอลิเวอร์ คาห์น ซึ่งเป็นมือหนึ่งเมืองเบียร์มาอย่างยาวนาน
7. เชย์ กิฟเว่น(Shay Given)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 450 นัด คลีนชีต 113 ครั้ง จ่าย 2 แอสซิสต์
สโมสรเด่น: นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด
ถ้วยความสำเร็จ: เอฟเอ คัพ x1, อินเตอร์ โตโต้ คัพ x1
เกียรติยศส่วนตัว: ทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก x2, ผู้เล่นยอดเยี่ยม ประจำฤดูกาลสโมสรนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด x2
หากถามว่าใครคือผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดของ นิวคาสเซิล แฟนบอลรุ่นใหม่อาจจะตอบว่า นิค โป๊ป แต่กับเหล่า ‘ทูน อาร์มี่’ รุ่นเก๋า คงบอกว่า เชย์ กิฟเว่น โดยไม่ต้องคิด เพราะทำผลงานได้คงเส้นคงวาตลอด 12 ฤดูกาลในถิ่น เซนต์ เจมส์ ปาร์ค
ในช่วงปลาย 90 ต่อ 2000 หากเดอะแบกเกมรุกของ ‘สาลิกาดง’ คือ อลัน เชียร์เรอร์ ฉันใด ตัวความหวังในเกมรับก็เป็นของ เชย์ กิฟเว่น ฉันนั้น และถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะไม่สามารถคว้าแชมป์เมเจอร์กับ นิวคาสเซิล ได้สำเร็จ แต่ยังดีที่ไปได้ เอฟเอ คัพ ปลอบใจกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
6. ดาบิด เด เคอา(David de Gea)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 415 นัด คลีนชีต 147 ครั้ง
สโมสรเด่น: แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x1, เอฟเอ คัพ x1, ลีก คัพ x2, ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก x1
เกียรติยศส่วนตัว: ถุงมือทองคำพรีเมียร์ลีก x2, ทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก x5, ทีมยอดเยี่ยม ฟีฟ่า x1, ผู้เล่นยอดเยี่ยม ประจำฤดูกาลสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด x4
ถ้านับเฉพาะปฏิกิริยาการป้องกันประตู แน่นอนว่านายทวารชาวสเปนรายนี้ ถือว่าเป็นมือหนึ่งของโลกได้อย่างเต็มปาก ต้องยอมรับว่าหลังยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ทัพ ‘ปีศาจแดง’ มีผลงานตกลง แต่หลายครั้งก็เก็บผลการแข่งขันตามที่ต้องการด้วยการเซฟของเจ้าตัว
อย่างไรก็ตามการอยู่ในช่วงเปลี่ยนยุคสมัยของเทรนด์ฟุตบอล ที่ผู้รักษาประตูจำเป็นต้องใช้เท้าให้ดีมากขึ้น ส่งผลให้เขากลายเป็นส่วนเกินของ เอริก เทน ฮาก แต่ถ้าถามว่ากุนซือชาวดัตช์ ตัดสินใจถูกหรือผิด คำตอบน่าจะเห็นได้จากตัวแทนที่ชื่อ อังเดร โอนาน่า แล้ว
5. อลิสสัน เบ็คเกอร์(Alisson Becker)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 191 นัด คลีนชีต 84 ครั้ง ยิง 1 ประตู จ่าย 3 แอสซิสต์
สโมสรเด่น: ลิเวอร์พูล
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x1, เอฟเอ คัพ x1, ลีก คัพ x1, ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก x1, สโมสรโลก x1, โคปา อเมริกา x1
เกียรติยศส่วนตัว: ถุงมือทองคำพรีเมียร์ลีก x2, ประตูยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลสโมสรลิเวอร์พูล x1, ทีมยอดเยี่ยม ฟีฟ่า x2, ยาชิน โทรฟี่ x1
สาวก ‘หงส์แดง’ ต้องเผชิญกับอาการป้ำ ๆ เป๋อ ๆ ของผู้รักษาประตูมานานหลายทศวรรษ ส่วนใหญ่ถึงแม้ว่าจะพอดูมีแวว แต่สุดท้ายก็มักผิดพลาดแบบแปลก ๆ ทำเอาแพ้ไปแบบไม่น่าเชื่ออยู่หลายครั้ง
การมาของมือกาวทีมชาติบราซิล ช่วยให้เกมรับของ ลิเวอร์พูล แข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และแค่ฤดูกาลแรกก็คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ได้สำเร็จ ก่อนจะพาปลดล็อคพรีเมียร์ลีก ในปีต่อมา นอกจากนั้นยังมีส่วนในการเปิดเกมจนได้ประตูอยู่บ่อยครั้ง หรือแม้แต่การโขกประตูชัยในนาทีสุดท้าย อลิสสัน เบ็คเกอร์ ก็ทำมาแล้ว
4. เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์(Edwin Van Der Saar)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 313 นัด คลีนชีต 132 ครั้ง จ่าย 1 แอสซิสต์
สโมสรเด่น: ฟูแล่ม, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x4, ลีก คัพ x2, ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก x1, สโมสรโลก x1, อินเตอร์ โตโต้ คัพ x1
เกียรติยศส่วนตัว: ถุงมือมองคำ x1, ทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก x3, ผู้เล่นยอดเยี่ยม ประจำฤดูกาลสโมสรฟูแล่ม x1
ฟาน เดอร์ ซาร์ โด่งดังขึ้นมาตั้งแต่ยังเฝ้าเสาในประเทศบ้านเกิดกับ อาแจ็กซ์ ก่อนจะมาเล่นให้กับ ยูเวนตุส แต่การที่ต้องหลีกทางให้กับ จิอันลุยจิ บุฟฟ่อน ทำให้เลือกมาเล่นในพรีเมียร์ลีก กับ ฟูแล่ม ซึ่งลงเฝ้าเสาไปกว่า 154 นัด
และถึงแม้ว่า จะย้ายมาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในวัยที่มากถึง 35 ปี แต่ด้วยประสบการณ์ที่เหลือล้น นั่นก็ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ไปได้ถึง 4 สมัย จาก 6 ฤดูกาล นอกจากนั้นยังพ่วงด้วย ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ซึ่งเขาเป็นผู้เซฟจุดโทษตัดสินได้อีกด้วย
3. เดวิด ซีแมน(David Seaman)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 344 นัด คลีนชีต 141 ครั้ง จ่าย 4 แอสซิสต์
สโมสรเด่น: อาร์เซนอล
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x2, เอฟเอ คัพ x4, ลีก คัพ x1, ยูโรเปี้ยน คัพ วินเนอร์ส คัพ x1
เกียรติยศส่วนตัว: ถุงมือมองคำ x2, ทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก x1
หนึ่งในสัญลักษณ์ของผู้รักษาประตูทีมชาติอังกฤษ โดยลงเฝ้าเสาให้กับทัพ ‘ทรี ไลออนส์’ ยาวนานถึง 15 ปี นับเป็นการติดทีมชาติที่ยาวนานที่สุดของแข้งผู้ดี ร่วมกับ ริโอ เฟอร์ดินานด์
นอกจากนั้นยังเป็นตัวแทนของความเหนียวแน่นหนึบกับทัพ ‘ปืนใหญ่’ โดยอยู่กับสโมสรยาวนานถึง 13 ฤดูกาล และถึงแม้ว่าใครหลายคนอาจจะติดภาพ ความผิดพลาดจากลูกยิงข้ามหัวโดย โรนัลดินโญ๋ เมื่อปี 2012 แต่ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า หากไม่นับ ปีเตอร์ ชิลตัน เขาคือมือกาวที่ดีที่สุดของทีมชาติอังกฤษ
2. ปีเตอร์ เช็ก(Petr Cech)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 443 นัด คลีนชีต 202 ครั้ง จ่าย 2 แอสซิสต์
สโมสรเด่น: เชลซี, อาร์เซนอล
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x4, เอฟเอ คัพ x5, ลีก คัพ x3, ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก x1, ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก x1
เกียรติยศส่วนตัว: ถุงมือมองคำ x4, ทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก x2, ผู้เล่นยอดเยี่ยม ประจำฤดูกาลสโมสรเชลซี x1, หอเกียรติยศพรีเมียร์ลีก
การเข้ามาของ ปีเตอร์ เช็ค ในฤดูกาลแรกกับ เชลซี ก็ช่วยให้ทีมเสียประตูน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก ซึ่งตลอด 38 เกม พวกเขาเสียเพียง 15 ลูกเท่านั้น โดยเก็บไปได้ถึง 24 คลีนชีต ก่อนจะเป็นคนสำคัญช่วยให้ทัพ ‘สิงห์บลู’ คว้าถ้วยหูโตได้เป็นครั้งแรกของสโมสรในปี 2012
และถ้าจะบอกว่าเขาเกิดมาเพื่อเป็นผู้รักษาประตูก็สามารถพูดได้เต็มปาก เพราะหลังจากแขวนถุงมือกับ อาร์เซนอล ในปี 2019 ก็มาเฝ้าเสาบนลานนำแข็งกับกีฬา ไอซ์-ฮอคกี้ ซึ่งเป็นความฝันของเจ้าตัวในวัยเด็ก
1. ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล(Peter Schmeichel)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 310 นัด คลีนชีต 128 ครั้ง จ่าย 3 แอสซิสต์ ยิง 1 ประตู
สโมสรเด่น: แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x5, เอฟเอ คัพ x3, ลีก คัพ x1, ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก x1, ยูโรเปียน ซูเปอร์ คัพ x1
เกียรติยศส่วนตัว: ถุงมือมองคำ x3, ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลพรีเมียร์ลีก x1, ทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก x1, หอเกียรติยศพรีเมียร์ลีก
เราสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าหากใครดูฟุตบอลมาประมาณ 30 ปี ล้วนจะต้องรู้จัก ปีเตอร์ ชไมเคิล เป็นคนแรกในตำแหน่งผู้รักษาประตู ซึ่งนอกจากการเซฟที่ยอดเยี่ยมแล้ว บุคลิคของเขายังเป็นที่น่าเกรงขามยามยืนอยู่หน้าประตู พร้อมเผชิญกับกองหน้าทั่วทุกสารทิศ
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเขาอาจเป็นในยุค 90 แต่ด้วยสไตล์การเล่นที่ขึ้นมาลุ้นประตูในช่วงท้ายเกมอยู่บ่อยครั้ง ทำให้มั่นใจได้เหลือเกินว่า ต่อให้มาเกิดยุคนี้เขาก็ยังยืนเด่นได้ในปัจจุบัน และที่สำคัญคือความเก่งของเขายังถ่ายทอดทางสายเลือดให้กับ แคสเปอร์ ชไมเคิล ลูกชายแท้ ๆ ที่เคยคว้าแชมป์กับ เลสเตอร์ ซิตี้ อย่างเทพนิยายได้อย่างสวยงาม
เขียนโดย The Lite Team.